การสร้างบ้านเริ่มต้นจากความคิดและแบบร่างบนกระดาษ กว่าจะกลายเป็นบ้านที่เราอยู่อาศัยได้จริง ต้องผ่านขั้นตอนการออกแบบบ้านมากมาย ซึ่งแต่ละขั้นตอนล้วนสำคัญและส่งผลต่อความสมบูรณ์ของบ้านในฝัน การเข้าใจกระบวนการออกแบบบ้านจะช่วยให้เราวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้บ้านตามความต้องการ
8 ขั้นตอนการออกแบบบ้านที่ควรรู้
ขั้นตอนการออกแบบบ้านเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความรอบคอบและการวางแผนที่ดี เพื่อให้ได้บ้านที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม การทำความเข้าใจกับแต่ละขั้นตอนจะช่วยให้การสร้างบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น
1. เลือกสไตล์การออกแบบบ้านที่ต้องการ
การเลือกรูปแบบและสไตล์บ้านเป็นขั้นตอนแรกในการออกแบบบ้านที่สำคัญ เพราะจะกำหนดทิศทางการออกแบบทั้งหมด สไตล์บ้านมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโมเดิร์น ร่วมสมัย ทรอปิคอล ลอฟท์ หรือมินิมอล แต่ละสไตล์มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ รูปทรงบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งทรงจั่ว ทรงปั้นหยา หรือทรงเพิงหมาแหงน แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันทั้งในแง่ความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย
2. กำหนดขนาดของบ้าน
การกำหนดขนาดบ้านเป็นขั้นตอนการออกแบบบ้านที่ต้องคำนึงถึงพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณ ควรเริ่มจากการประเมินจำนวนสมาชิกผู้อยู่อาศัยและกิจกรรมที่ทำเป็นประจำ รวมถึงคำนึงถึงการขยายครอบครัวในอนาคต พื้นที่ใช้สอยควรจัดสรรตามหลักการออกแบบที่ดี ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่นั่งเล่นควรมีขนาดที่เหมาะสม ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงพื้นที่เก็บของและทางสัญจรภายในบ้านให้เพียงพอและสะดวกต่อการใช้งาน
3. หลังคาและวัสดุมุงหลังคา

การเลือกรูปทรงและวัสดุมุงหลังคาเป็นขั้นตอนการออกแบบบ้านที่สำคัญต่อความทนทานและภาพลักษณ์โดยรวม หลังคาต้องป้องกันแดดและฝนได้ดี มีความคงทน และสวยงามสอดคล้องกับสไตล์บ้าน วัสดุมุงหลังคามีหลายประเภท เช่น กระเบื้องคอนกรีต กระเบื้องเซรามิค เมทัลชีท หรือแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ แต่ละชนิดมีข้อดีและราคาแตกต่างกัน นอกจากนี้ การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว แม้จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงแต่คุ้มค่าในระยะยาว
4. การกำหนดทิศทางแสงและลม
การออกแบบบ้านให้สัมพันธ์กับทิศทางแสงและลมธรรมชาติเป็นขั้นตอนที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและการประหยัดพลังงาน บ้านควรวางแนวให้รับลมธรรมชาติและแสงแดดอย่างเหมาะสม การจัดวางช่องแสงและหน้าต่างในตำแหน่งที่ถูกต้องช่วยให้บ้านมีอากาศถ่ายเทดีและรับแสงธรรมชาติเพียงพอ โดยควรหลีกเลี่ยงการให้แสงแดดส่องเข้าบ้านมากเกินไปในช่วงบ่าย การใช้ระแนงบังแดดหรือชายคายื่นช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้ดี ขณะที่การออกแบบให้มีหน้าต่างสองด้านในห้องช่วยให้ลมพัดผ่านได้สะดวก ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ
5. ป้องกันเสียงรบกวนและสร้างความเงียบสงบ
การออกแบบบ้านให้มีความเงียบสงบเป็นอีกขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในเมืองหรือใกล้ถนนใหญ่ วัสดุก่อสร้างมีผลต่อการดูดซับและสะท้อนเสียง การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติซับเสียหรือฉนวนในผนังและฝ้าเพดาน จะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี การวางตำแหน่งห้องที่ต้องการความเงียบ เช่น ห้องนอน ให้ห่างจากแหล่งกำเนิดเสียง จัดวางเฟอร์นิเจอร์และผ้าม่านเพื่อช่วยดูดซับเสียง รวมถึงพิจารณาทิศทางลมที่อาจพัดพาเสียงเข้าบ้าน
6. ออกแบบบ้านที่เหมาะสมกับการอยู่ระยะยาว
การออกแบบบ้านที่รองรับการอยู่อาศัยในระยะยาวเป็นแนวคิดสำคัญในขั้นตอนการออกแบบบ้านยุคใหม่ ควรคำนึงถึงความเปลี่ยนแปลงของครอบครัวในอนาคต เช่น การมีสมาชิกใหม่ หรือการมีผู้สูงอายุอาศัยร่วม การออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ จะช่วยให้บ้านรองรับการใช้งานได้หลากหลาย ควรมีห้องน้ำชั้นล่างสำหรับรองรับผู้สูงอายุ ทางลาดแทนบันได ประตูที่กว้างพอสำหรับรถเข็น และพื้นที่เผื่อสำหรับการขยายเพิ่มเติมในอนาคต รวมทั้งระบบบ้านอัจฉริยะที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย
7. รั้วและความปลอดภัย
การออกแบบรั้วและระบบรักษาความปลอดภัยเป็นขั้นตอนการออกแบบบ้านที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับความสวยงาม รั้วนอกจากแสดงอาณาเขตแล้วยังสร้างความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ควรเลือกรูปแบบและวัสดุที่เข้ากับสไตล์บ้าน ทั้งรั้วทึบ รั้วโปร่ง หรือการใช้แนวไม้พุ่มเป็นรั้วธรรมชาติ ระบบรักษาความปลอดภัยควรออกแบบให้ครอบคลุม ทั้งกล้องวงจรปิด สัญญาณเตือนภัย ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติ และระบบควบคุมการเข้าออก การจัดวางทางเข้าออกให้มองเห็นได้ชัดเจนและมีแสงสว่างเพียงพอ ช่วยลดจุดอับสายตาที่อาจเป็นจุดเสี่ยงต่อความปลอดภัย
8. ลานจอดรถ
ลานจอดรถเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนการออกแบบบ้านที่ต้องวางแผนให้รองรับความต้องการใช้งานจริง ควรประเมินจำนวนรถทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงพื้นที่สำหรับรถของผู้มาเยี่ยม พื้นลานจอดรถควรเลือกวัสดุที่แข็งแรง ทนทานต่อน้ำหนักรถ และระบายน้ำได้ดี เช่น คอนกรีตสแตมป์ บล็อกปูพื้น หรือพื้นโรยกรวด ตำแหน่งลานจอดรถควรสะดวกต่อการเข้าออก มีความลาดชันที่เหมาะสม และมีหลังคากันแดดกันฝนหากเป็นไปได้ การเชื่อมต่อระหว่างลานจอดรถกับตัวบ้านควรออกแบบให้สะดวกในการขนของเข้าบ้าน โดยเฉพาะในช่วงฝนตก
สรุป การออกแบบบ้านต้องคำนึงหลายปัจจัย

ขั้นตอนการออกแบบบ้านที่ดีเริ่มจากการเลือกสไตล์และรูปทรง กำหนดขนาดให้เหมาะสม เลือกวัสดุหลังคาที่ทนทาน จัดวางทิศทางให้รับแสงและลมธรรมชาติ ป้องกันเสียงรบกวน ออกแบบให้อยู่สบายในระยะยาว มีระบบรักษาความปลอดภัย และลานจอดรถที่สะดวก การวางแผนอย่างรอบคอบในทุกขั้นตอนจะช่วยให้ได้บ้านที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย สร้างความสุขให้ผู้อยู่อาศัยได้อย่างยาวนาน สำหรับผู้ที่กำลังมองหาผู้ออกแบบบ้านที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถเข้าไปสอบถามรายละเอียดกับ Morebrother ได้เลย