ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนชื้นเกือบตลอดทั้งปี การออกแบบบ้านที่สอดคล้องกับธรรมชาติจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้บ้านอยู่สบายและลดการใช้เครื่องปรับอากาศ ทิศทางลมเมื่อสร้างบ้านต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้ เพื่อให้บ้านของเราสามารถเปิดรับลมธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ และสร้างสภาวะน่าสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสิ้นเปลืองพลังงาน บทความนี้จะนำเสนอหลักการออกแบบเบื้องต้น
รู้จักทิศทางลมและฝนก่อนสร้างบ้าน
ก่อนจะเริ่มลงมือออกแบบการศึกษาข้อมูลสภาพอากาศประจำถิ่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะทิศทางลม ฝน และแสงแดด ซึ่งเป็นปัจจัยหลักทางธรรมชาติที่มีผลโดยตรงต่อตัวอาคาร การวางผังอาคารที่ถูกต้องตามหลักทิศทางลมสถาปัตยกรรมจะช่วยให้เราสามารถออกแบบช่องเปิดของอาคารเพื่อรับลมประจำฤดูได้อย่างแม่นยำ และหลีกเลี่ยงปัญหาความร้อนและความชื้นสะสม
ทิศทางลมและฝน
ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม) ซึ่งจะพัดพาความชื้นและฝนมาด้วย และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (ช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์) ที่เป็นลมแห้งและเย็น การออกแบบบ้านจึงควรมีช่องเปิดทางทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้เพื่อรับลมในช่วงฤดูร้อน และเปิดช่องทางทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อระบายอากาศและรับลมหนาว
ทิศทางแสงแดด
ดวงอาทิตย์ในประเทศไทยจะโคจรค่อนไปทางทิศใต้เป็นส่วนใหญ่ของปี ทำให้ทิศใต้และทิศตะวันตกเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดจัดและสะสมความร้อนไว้ในผนังมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงบ่ายในทิศตะวันตก ในทางกลับกันทิศเหนือจะเป็นทิศที่ได้รับผลกระทบจากแสงแดดโดยตรงน้อยที่สุดตลอดทั้งวัน ทำให้โซนนี้ของบ้านมีความเย็นมากกว่าทิศอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
ออกแบบผังห้องให้บ้านรับลมและหลบแดดได้ดี
เมื่อเราเข้าใจทิศทางของลมและแดดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดวางผังห้องให้เหมาะสม เพื่อให้แต่ละพื้นที่ใช้สอยได้รับประโยชน์จากธรรมชาติสูงสุดและลดผลกระทบด้านลบให้น้อยที่สุด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการสำคัญของการเขียนแบบบ้านที่ดี ที่จะคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้เป็นหลัก เพื่อให้บ้านอยู่สบายและตอบโจทย์การใช้งานของสมาชิกทุกคน
ทิศเหนือ สำหรับห้องนอน
ทิศเหนือเป็นทิศที่โดนแดดน้อยที่สุดทำให้ผนังไม่สะสมความร้อน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับจัดวางห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน การวางห้องนอนในทิศนี้จะช่วยให้ห้องเย็นสบายตลอดวัน ลดความจำเป็นในการเปิดเครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน ส่งผลให้เรานอนหลับได้อย่างมีคุณภาพและยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าของบ้านได้อีกด้วย
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับห้องนั่งเล่นและมุมทำงาน
เป็นทิศที่สามารถรับลมเย็นสบายจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงปลายปีได้ดี และยังได้รับแสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้าซึ่งไม่ร้อนจนเกินไป จึงเหมาะสำหรับเป็นห้องนั่งเล่น มุมพักผ่อน หรือมุมทำงานที่ต้องการแสงสว่างธรรมชาติและบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง การออกแบบช่องเปิดในทิศนี้จะช่วยดึงอากาศบริสุทธิ์เข้ามาหมุนเวียนภายในบ้านได้เป็นอย่างดี
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับห้องอาหาร
การวางห้องรับประทานอาหารไว้ในทิศตะวันออกเฉียงใต้จะช่วยให้พื้นที่ส่วนนี้ได้รับลมจากทางทิศใต้ที่พัดเข้ามาเกือบตลอดทั้งปี ทำให้เกิดการระบายอากาศที่ดีในระหว่างมื้ออาหาร ลดปัญหากลิ่นอับหรือกลิ่นอาหารสะสม ทั้งยังเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดไม่จัดจ้านจนเกินไป ทำให้บรรยากาศในการรับประทานอาหารโปร่งโล่งและน่าสบาย
ทิศใต้ สำหรับสวนและทางเข้าบ้าน
ทิศใต้เป็นทิศที่รับลมประจำถิ่นได้ดีที่สุดตลอดเกือบทั้งปี การออกแบบให้มีพื้นที่สวนหย่อม ชานบ้าน หรือทางเข้าหลักอยู่ทางทิศนี้ จะเปรียบเสมือนการสร้างตัวนำลมเข้าสู่ตัวบ้าน นอกจากนี้ แสงแดดที่เพียงพอยังเอื้อต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ ซึ่งจะช่วยกรองแสงและสร้างร่มเงา ทำให้ลมที่พัดผ่านเข้ามาในบ้านมีความเย็นมากขึ้น
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ สำหรับโรงจอดรถและห้องเก็บของ
ทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นทิศที่ต้องปะทะกับแดดร้อนในช่วงบ่ายและฝนที่สาดเข้ามาในช่วงฤดูฝน การวางตำแหน่งโรงจอดรถ ห้องเก็บของ หรือพื้นที่ที่ไม่ต้องการการอยู่อาศัยเป็นประจำในทิศนี้ จะทำหน้าที่เสมือนเป็นเกราะป้องกันความร้อนและความชื้นให้กับพื้นที่ใช้งานหลักของบ้าน ช่วยลดอุณหภูมิภายในตัวอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทิศตะวันตก สำหรับห้องครัว ห้องน้ำ และโซนซักล้าง
ทิศตะวันตกเป็นทิศที่ร้อนที่สุดเนื่องจากรับแสงแดดโดยตรงในช่วงบ่าย จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับวางห้องครัวซึ่งมีการใช้ความร้อนจากการประกอบอาหารอยู่แล้ว รวมถึงห้องน้ำและโซนซักล้างที่ต้องการแสงแดดในการฆ่าเชื้อโรคและช่วยให้พื้นที่แห้งเร็ว ลดปัญหาความอับชื้นและการสะสมของเชื้อรา โดยให้ผนังส่วนนี้ทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนให้บ้าน
ข้อดีของการวางผังบ้านตามทิศทางลม
การลงทุนกับการออกแบบที่คำนึงถึงทิศทางลมและแดดตั้งแต่เริ่มต้น ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราได้บ้านที่สวยงามตรงใจเท่านั้น แต่ยังมอบประโยชน์ที่จับต้องได้ในระยะยาว ทั้งในมิติของการประหยัดค่าใช้จ่าย การส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย และการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในทุก ๆ วัน
ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว
การออกแบบบ้านโดยคำนึงถึงหลักทิศทางลมสถาปัตยกรรมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะเมื่อบ้านสามารถระบายอากาศได้เองตามธรรมชาติ ความจำเป็นในการใช้เครื่องปรับอากาศและพัดลมก็จะลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลโดยตรงต่อค่าไฟฟ้าที่ลดลงในทุก ๆ เดือน นับเป็นการออกแบบเพื่อความยั่งยืนที่ให้ผลตอบแทนทั้งในด้านการเงินและคุณภาพชีวิต
อากาศหมุนเวียนดี ลดความเสี่ยงการสะสมของเชื้อโรค
บ้านที่เปิดรับลมธรรมชาติจะมีกระแสอากาศไหลเวียนเข้า-ออกตลอดเวลา ช่วยลดการสะสมของฝุ่นละออง ความชื้น และเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือปัญหาระบบทางเดินหายใจ การออกแบบช่องลมเข้าและช่องลมออกที่เหมาะสม จะสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยทุกคน ลดความเสี่ยงจากอากาศที่ไม่ถ่ายเท
บ้านโปร่งโล่ง อยู่สบายในทุกฤดูกาล
หัวใจของการออกแบบบ้าน ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่คือการสร้างบ้านตามทิศทางลมที่ดี จะให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง และไม่อึดอัด สามารถเปิดรับลมเย็นในฤดูร้อนและฤดูหนาวได้อย่างเหมาะสม ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านได้อย่างมีความสุขในทุกช่วงเวลาของปี สอดคล้องไปกับจังหวะของธรรมชาติ
สรุป การออกแบบทิศทางลมในบ้าน
การให้ความสำคัญกับทิศทางลมเมื่อทำการสร้างบ้าน เป็นรากฐานของการสร้างที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ การวางตำแหน่งห้องต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับธรรมชาตินั้น ไม่เพียงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน แต่ยังส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย ที่ Morebrother เราเชี่ยวชาญด้านการรับออกแบบบ้านโดยผสานหลักการทางสถาปัตยกรรมเข้ากับบริบทของสภาพแวดล้อม เพื่อสร้างสรรค์บ้านที่เย็นสบายและน่าอยู่สำหรับเราทุกคน